พฤติกรรมการชำระหนี้ของผู้กู้สินเชื่อออนไลน์ที่เสี่ยงติดบูโร

83 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พฤติกรรมการชำระหนี้ของผู้กู้สินเชื่อออนไลน์ที่เสี่ยงติดบูโร

  ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สินเชื่อออนไลน์ กลายเป็นหนึ่งในตัวช่วยทางการเงินที่หลายคนมองหา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เงินเดือนออกช้า ต้องการเงินสดฉุกเฉิน หรือผู้ประกอบการรายเล็กที่ต้องหมุนเวียนเงินทุน แต่หลายคนกลับตกม้าตายเพราะไม่รู้จักพฤติกรรมการชำระหนี้ที่เสี่ยงต่อการติดเครดิตบูโร
  วันนี้เราจะมาวิเคราะห์พฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ พร้อมให้ความรู้เชิงปฏิบัติที่จะช่วยให้คุณจัดการหนี้สินได้อย่างปลอดภัย แถมยังแอบแนะนำบริการจาก มันนี่ฮับ ที่จะช่วยให้การขอสินเชื่อออนไลน์ง่ายและปลอดภัยขึ้นอีกด้วย

  1. เข้าใจเครดิตบูโร คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ

      หลายคนมักจะได้ยินคำว่า "ติดบูโร" แต่บางคนอาจไม่รู้ว่า เครดิตบูโร คืออะไร
      เครดิตบูโร หรือ เครดิตบูโรแห่งประเทศไทย (NCB) คือฐานข้อมูลที่รวบรวมประวัติการชำระหนี้ของบุคคลและนิติบุคคล เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล และ สินเชื่อออนไลน์ การที่เรามีประวัติชำระหนี้ดีจะช่วยให้การกู้ครั้งต่อไปง่ายขึ้น แต่ถ้าชำระหนี้ล่าช้า หรือผิดนัดหลายครั้ง ข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกบันทึกและส่งผลให้เราติดเครดิตบูโร
      ติดบูโรแล้วไม่ใช่เรื่องตลก เพราะธนาคารและผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์จะมองว่าเราเป็นคนเสี่ยง ทำให้กู้ใหม่ยากขึ้น หรือบางครั้งดอกเบี้ยก็สูงขึ้น
  2. พฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดบูโร

      จากการสำรวจพฤติกรรมผู้กู้ สินเชื่อออนไลน์ พบว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงหลายแบบที่มักทำให้ติดบูโร ดังนี้
    1. ชำระหนี้ล่าช้าเป็นประจำ

        บางคนอาจคิดว่า “ชำระหนี้ช้าแค่ไม่กี่วันคงไม่เป็นไร” แต่จริง ๆ แล้วผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์มักจะบันทึกข้อมูลการชำระหนี้ตั้งแต่วันที่เกินกำหนดแรก ๆ
      - ชำระหนี้ล่าช้าเกิน 30 วัน ขึ้นไป มีโอกาสถูกแจ้งเครดิตบูโรสูง
      - ถ้าล่าช้าเกิน 90 วัน อาจถือว่าผิดนัดชำระหนี้ และเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี
      เคล็ดลับ: ตั้งเตือนวันชำระหนี้ทุกครั้ง หรือใช้บริการ มันนี่ฮับ ที่ช่วยจัดการเตือนชำระหนี้ล่วงหน้า
    2. กู้หลายแอปพร้อมกัน

        พฤติกรรมที่คนรุ่นใหม่มักทำคือ กู้หลายแอปพร้อมกัน เพราะเห็นว่าง่ายและไม่ต้องใช้เอกสารมาก แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ ทุกครั้งที่กู้ สินเชื่อออนไลน์จะมีการตรวจเครดิตบูโร
      - กู้หลายแอปในช่วงเวลาใกล้กัน = ประวัติตรวจสอบสินเชื่อเยอะ = สัญญาณว่าผู้กู้มีความเสี่ยงสูง
      - ธนาคารหรือผู้ให้สินเชื่อออนไลน์รายใหม่อาจปฏิเสธการอนุมัติ
      เคล็ดลับ: กู้สินเชื่อออนไลน์ตามความจำเป็นจริง ๆ และเว้นช่วงเวลาอย่างน้อย 3–6 เดือน
    3. เลือกสินเชื่อดอกเบี้ยสูงแต่ไม่วางแผน

        หลายคนเห็นโฆษณา สินเชื่อออนไลน์อนุมัติเร็ว แล้วกดสมัครโดยไม่ได้เปรียบเทียบดอกเบี้ยหรือวางแผนชำระหนี้
      - สินเชื่อดอกเบี้ยสูง = ภาระชำระเพิ่ม = เสี่ยงล่าช้า
      - ถ้าไม่มีวินัยทางการเงิน หรือรายได้ไม่พอจ่ายรายเดือน = ติดบูโรทันที
      เคล็ดลับ: ใช้เครื่องมือเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และวางแผนเงินเดือนล่วงหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถชำระหนี้ได้
    4. ลืมติดตามยอดหนี้คงเหลือ

        หลายคนชำระขั้นต่ำ หรือโอนเงินข้ามบัญชี โดยไม่เช็กยอดหนี้จริง ทำให้เกิดหนี้คงค้างสะสม
      - การชำระขั้นต่ำ = จ่ายแค่ดอกเบี้ยบางส่วน = ยอดต้นไม่ลด
      - ยอดคงค้างสะสม = เสียโอกาสปิดหนี้เร็ว และดอกเบี้ยรวมสูง
      เคล็ดลับ: ใช้แอปจัดการสินเชื่อออนไลน์ หรือบริการ มันนี่ฮับ ที่ช่วยรวมข้อมูลสินเชื่อทุกแอปไว้ในที่เดียว และเตือนยอดคงเหลือ
  3. สัญญาณเตือนว่าคุณอาจเสี่ยงติดบูโร

      ไม่อยากติดบูโร แต่ไม่รู้ตัว? สังเกตตัวเองด้วยสัญญาณเหล่านี้
    - บัญชีธนาคารมักติดลบ เพราะชำระหนี้ไม่ทัน
    - ได้รับ SMS หรืออีเมลเตือนชำระซ้ำ ๆ จากผู้ให้สินเชื่อ
    - มีประวัติชำระล่าช้าเกิน 30 วันหลายครั้ง
    - กู้สินเชื่อหลายแอปในช่วงเวลาใกล้กัน
    - วางแผนเงินไม่พอจ่ายค่างวดรายเดือน
      ถ้าคุณเข้าข่ายอย่างน้อย 2–3 ข้อ แสดงว่ามีความเสี่ยงสูง ควรรีบจัดการก่อนที่จะสายเกินไป
  4. วิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเครดิตบูโร

      เราสามารถลดความเสี่ยงติดบูโรได้ด้วย 4 วิธีง่าย ๆ
    1. วางแผนชำระหนี้ล่วงหน้า
      - จัดทำปฏิทินชำระหนี้
      - ตั้งเตือนผ่านมือถือ หรือใช้ มันนี่ฮับ เพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้า
    2. กู้เฉพาะที่จำเป็น
      - เลือกกู้สินเชื่อออนไลน์ที่ตรงกับความจำเป็น
      - เว้นระยะการกู้แต่ละครั้ง 3–6 เดือน
    3. ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข
      - เปรียบเทียบดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมก่อนสมัคร
      - เลือกแผนชำระที่เหมาะกับรายได้ของคุณ
    4. บันทึกและติดตามยอดหนี้
      - จดบันทึกวันครบกำหนด และยอดคงเหลือ
      - ใช้แอปรวมข้อมูลสินเชื่อออนไลน์ทุกแอป เช่น บริการ มันนี่ฮับ ที่ช่วยให้ติดตามง่าย
  5. ทำไมควรใช้บริการ MoneyHub ในการบริหารสินเชื่อออนไลน์

      หลายคนคิดว่าการกู้สินเชื่อออนไลน์เป็นเรื่องง่าย แต่การบริหารจัดการไม่ดีอาจทำให้ติดบูโรได้ มันนี่ฮับ ช่วยให้คุณ
    - รวมทุกสินเชื่อออนไลน์ไว้ในแอปเดียว
    - แจ้งเตือนวันครบกำหนดชำระอัตโนมัติ
    - เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและโปรโมชั่นใหม่ ๆ
    - ให้คำปรึกษาเชิงปฏิบัติว่าควรกู้เท่าไหร่ และวิธีจัดการชำระหนี้
      บริการนี้เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือผู้ที่ต้องการบริหารสินเชื่อให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงติดเครดิตบูโร
  6. สรุปเรื่องสินเชื่อออนไลน์และพฤติกรรมเสี่ยง

      สรุปง่าย ๆ ก็คือ สินเชื่อออนไลน์ไม่ได้เลวร้าย แต่การใช้โดยไม่วางแผนต่างหากที่ทำให้ติดบูโร
    - ชำระล่าช้า
    - กู้หลายแอปพร้อมกัน
    - เลือกดอกเบี้ยสูงโดยไม่วางแผน
    - ลืมติดตามยอดหนี้
      ทั้งหมดนี้คือพฤติกรรมเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง


  หากคุณอยากบริหารสินเชื่อออนไลน์อย่างปลอดภัย ลองใช้ มันนี่ฮับ เป็นตัวช่วยในการรวมข้อมูล แนะนำแผนชำระหนี้ และติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเงินกู้ จำไว้ว่า การมีเครดิตดี ไม่ใช่แค่เรื่องกู้ครั้งต่อไปง่าย แต่ยังเป็นตัวช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาวพฤติกรรมชำระหนี้ที่ดี + เครื่องมือช่วยจัดการอย่างมันนี่ฮับ = ปลอดภัยจากบูโร และสบายใจกับการกู้สินเชื่อออนไลน์สนใจสินเชื่อออนไลน์ สามารถยื่นกู้สินเชื่อออนไลน์ด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ตลอด 24 ชม. แนะนำเลยที่นี่แอปมันนี่ฮับ แอปสินเชื่อ โปร่งใสได้มาตรฐาน ไว้ใจได้รองรับมือถือทุกระบบ หากสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line ID : @moneyhub

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้