41 จำนวนผู้เข้าชม |
การกู้เงินหรือขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ หรือแม้แต่สินเชื่อส่วนบุคคล สิ่งที่ผู้กู้มักจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ คือ “ดอกเบี้ย” เพราะดอกเบี้ยคือค่าใช้จ่ายที่แท้จริงในการขอใช้บริการสินเชื่อ ซึ่งหลายครั้งเราจะพบว่าบนโฆษณาสินเชื่อมีการใช้คำว่า Flat Rate และ Effective Rate ที่ดูคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วกลับแตกต่างกันอย่างมากหากคุณยังสับสนระหว่างสองคำนี้ แตกต่างกันตรงไหน มีผลต่อผู้กู้เงินอย่างไร และควรใช้ข้อมูลแบบใดในการตัดสินใจกู้สินเชื่อ
Flat Rate หรือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ เป็นการคิดดอกเบี้ยโดยอ้างอิงจากเงินต้นทั้งหมดที่กู้ โดยไม่สนใจว่าเงินต้นจริง ๆ จะถูกทยอยจ่ายคืนไปแล้วแค่ไหน พูดง่าย ๆ คือ หากคุณกู้เงิน 100,000 บาท ด้วย Flat Rate 10% ต่อปี เป็นเวลา 1 ปี คุณจะถูกคิดดอกเบี้ยจากยอดกู้เต็ม ๆ 100,000 บาทตลอดทั้งปี ซึ่งดอกเบี้ยก็จะเท่ากับ 10,000 บาททันที แม้คุณจะทยอยผ่อนเงินต้นทุกเดือน แต่ดอกเบี้ยที่คิดก็ยังเป็น 10% ของยอดกู้ทั้งหมดอยู่ดี ทำให้ตัวเลขดอกเบี้ยที่จ่ายจริงต่อเดือนดู ถูกแบ่งย่อย จนเหมือนผ่อนสบาย
Effective Rate หรือ อัตราดอกเบี้ยแท้จริง คือการคำนวณดอกเบี้ยตามเงินต้นคงเหลือที่ยังไม่ได้จ่ายคืน หมายความว่า เมื่อคุณผ่อนชำระเงินต้นไปเรื่อย ๆ ดอกเบี้ยที่จะถูกคิดก็จะลดลงตามสัดส่วนเงินต้นที่เหลือ
ยกตัวอย่าง สมมุติคุณกู้ 100,000 บาท ด้วย Effective Rate 10% ต่อปี และจ่ายเงินต้นคืนบางส่วนทุกเดือน เดือนถัดไปคุณจะถูกคิดดอกเบี้ยจากยอดที่เหลือ เช่น เหลือเงินต้น 90,000 บาท ดอกเบี้ยก็จะคิดจาก 90,000 บาทเท่านั้น ไม่ใช่ 100,000 บาทเต็มเหมือนแบบ Flat Rate
หากจะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ
Flat Rate เหมือนการคิดดอกเบี้ยแบบหยุดเวลา คือไม่สนใจว่าเงินต้นถูกคืนไปแล้วมากน้อยแค่ไหน ดอกเบี้ยยังคิดเท่าเดิมตลอดสัญญา
Effective Rate คือการคิดดอกเบี้ยแบบ “แฟร์กว่า” เพราะคิดตามเงินต้นที่เหลือจริง ทำให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของการกู้
ดังนั้น หากคุณเห็นสินเชื่อที่บอกว่ามีอัตราดอกเบี้ย 5% แบบ Flat Rate อย่าเพิ่งรีบตัดสินว่าถูกกว่า เพราะเมื่อคำนวณกลับไปเป็น Effective Rate จริง ๆ อาจสูงถึง 9-10% ก็ได้
สาเหตุหนึ่งที่ธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อบางแห่งนิยมเสนอ Flat Rate ก็เพราะ ตัวเลขดูต่ำกว่าและเข้าใจง่ายกว่า ทำให้ผู้กู้รู้สึกเหมือนได้ดอกเบี้ยถูก ทั้งที่แท้จริงแล้วต้นทุนอาจสูงกว่าที่คิด ยกตัวอย่างง่าย ๆ
Flat Rate 10% อาจเทียบเท่ากับ Effective Rate ประมาณ 18-20%
ตัวเลขดอกเบี้ยแท้จริงจึงอาจมากกว่าที่โฆษณาไว้เกือบเท่าตัว นี่คือเหตุผลว่าทำไมเวลาอ่านรายละเอียดสินเชื่อ ต้องดูให้ชัดว่า “ดอกเบี้ยที่บอกมา” เป็นแบบไหน ไม่อย่างนั้นอาจหลงกลกับตัวเลขที่ดูสวยเกินจริง
คำตอบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การกู้ และความเข้าใจในโครงสร้างดอกเบี้ย
ถ้าคุณต้องการสินเชื่อระยะสั้น เช่น ผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ Flat Rate อาจตอบโจทย์ เพราะเข้าใจง่าย เห็นยอดผ่อนต่อเดือนชัดเจน
แต่ถ้าเป็นการกู้ก้อนใหญ่ระยะยาว เช่น กู้บ้าน หรือสินเชื่อส่วนบุคคลหลายปี ควรเลือกที่คิดแบบ Effective Rate เพราะจะสะท้อนดอกเบี้ยแท้จริง และทำให้คุณสามารถบริหารหนี้ได้ดีกว่า
ถามตรง ๆ กับเจ้าหน้าที่ ว่าดอกเบี้ยที่บอกมาเป็น Flat Rate หรือ Effective Rate
ขอคำนวณยอดผ่อนรายเดือนรวมดอกเบี้ยทั้งหมด เพื่อเปรียบเทียบกับสถาบันการเงินอื่น
เปรียบเทียบ Effective Rate เสมอ เพราะเป็นตัวเลขที่สะท้อนความจริงที่สุด
อย่าดูแค่ตัวเลขดอกเบี้ย ต้องดูด้วยว่ามีค่าธรรมเนียมแฝงอื่น ๆ หรือไม่ เช่น ค่าประเมิน ค่าทำสัญญา หรือค่าธรรมเนียมปิดก่อนกำหนด
วิเคราะห์ความสามารถในการผ่อนชำระ อย่าเลือกเพราะเห็นยอดผ่อนต่ำ แต่ควรดูว่าดอกเบี้ยแท้จริงเท่าไร แล้ว
เลือกสินเชื่อที่โปร่งใส บอกอัตราดอกเบี้ยแบบ Effective Rate ชัดเจน ไม่ลืมที่จะคำนึงถึงระยะเวลากู้ ถ้ากู้สั้น Flat Rate อาจไม่ต่างมาก แต่ถ้ากู้ยาว Effective Rate จะยุติธรรมกว่า และเปรียบเทียบหลายสถาบันการเงิน เพื่อดูเงื่อนไขที่ดีที่สุด ไม่ใช่ดูแค่ตัวเลขที่ถูกนำเสนอ ดอกเบี้ยไม่ใช่แค่ เปอร์เซ็นต์บนกระดาษ แต่เป็นตัวเลขที่ส่งผลโดยตรงกับกระเป๋าสตางค์ของผู้กู้ การเข้าใจความต่างระหว่าง Flat Rate และ Effective Rate จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อที่อธิบายชัดเจน ไม่เล่นตัวเลขให้สับสน และมีทีมงานช่วยคำนวณดอกเบี้ยแท้จริงให้เข้าใจง่าย ลองปรึกษา มันนี่ฮับ ได้เลย เพราะที่นี่เน้นการให้ข้อมูลแบบตรงไปตรงมา ไม่ทำให้ผู้กู้สับสนกับตัวเลข พร้อมทั้งมีตัวเลือกสินเชื่อหลายประเภท ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ทีมงานของ มันนี่ฮับ จะช่วยคุณเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ทั้งแบบ Flat Rate และ Effective Rate เพื่อให้คุณเห็นต้นทุนที่แท้จริง และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ ว่ากำลังเลือกสิ่งที่เหมาะกับชีวิตการเงินของคุณมากที่สุด
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน รถยนต์ หรือใช้หมุนเวียนในชีวิตประจำวัน อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่า ดอกเบี้ยที่เห็นคือแบบใด และเทียบเป็น Effective Rate แล้วคุ้มค่าจริงหรือไม่ การรู้เท่าทันจะช่วยให้คุณจัดการหนี้ได้ฉลาดขึ้น และสบายใจกว่าเดิม