5 จำนวนผู้เข้าชม |
แม้หลายคนจะรู้จักคำว่า รีไฟแนนซ์ กันดี แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจทำรีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคลจริง ๆ กลับมีคำถามมากมาย โดยเฉพาะในกรณีที่เรายังผ่อนไม่ถึงครึ่งของวงเงินกู้ เช่นนี้จะสามารถรีไฟแนนซ์ได้หรือไม่ บทความนี้จะช่วยคลายข้อสงสัย พร้อมให้ข้อมูลสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ เพื่อบริหารหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนจะไปถึงเรื่องรีไฟแนนซ์ เรามาเข้าใจพื้นฐานของ สินเชื่อส่วนบุคคล กันก่อน สินเชื่อประเภทนี้เป็นเงินกู้ที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ขอกู้สามารถนำเงินไปใช้ได้ตามความจำเป็น เช่น ปิดหนี้บัตรเครดิต ค่าเทอม ค่ารักษาพยาบาล หรือซ่อมบ้าน จุดเด่นคือสมัครง่าย อนุมัติไว และมีการผ่อนจ่ายรายเดือนที่ชัดเจน แต่แน่นอนว่าดอกเบี้ยก็จะสูงกว่าสินเชื่อบ้านหรือรถยนต์
รีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคล คือการกู้เงินก้อนใหม่จากสถาบันการเงินอื่น เพื่อนำมาโปะหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลเดิม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ผ่อนต่อเดือนน้อยลง หรือระยะเวลาการชำระหนี้ที่เหมาะกับกำลังรายได้มากขึ้น
การรีไฟแนนซ์จึงเปรียบเสมือนการ ย้ายหนี้ ไปยังเจ้าหนี้ใหม่ที่ให้เงื่อนไขดีกว่าเจ้าหนี้เดิม ซึ่งหากคำนวณดี ๆ จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้ไม่น้อยเลย
คำถามนี้ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง แต่โดยทั่วไป สามารถรีไฟแนนซ์ได้ แม้จะผ่อนยังไม่ถึงครึ่งของวงเงินกู้เดิม ตราบใดที่คุณมีประวัติการชำระหนี้ดี ไม่มีสถานะค้างชำระ และมีรายได้มั่นคง สถาบันการเงินมักจะพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้มากกว่าจำนวนงวดที่ผ่อนจ่ายไปแล้ว ดังนั้นแม้คุณเพิ่งเริ่มผ่อนชำระไปได้เพียง 30-40% ของวงเงินกู้ หากคุณมีโปรไฟล์การเงินดี ก็สามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์ได้เช่นกัน
หากคุณสนใจจะทำการรีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคล ลองตรวจสอบดูว่าคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้หรือไม่
หลายคนอาจคิดว่า การรีไฟแนนซ์ควรรอให้ผ่อนใกล้หมดก่อนจึงคุ้มค่า แต่ในความจริงแล้วการรีไฟแนนซ์ตั้งแต่ยังผ่อนไม่ถึงครึ่งก็มีข้อดีหลายด้าน เช่น
แม้ว่าการรีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคลจะดูเป็นทางออกที่ดี แต่ก็มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
แม้คุณจะเพิ่งผ่อนชำระ สินเชื่อส่วนบุคคล ไปได้เพียงไม่ถึงครึ่งของวงเงินกู้ แต่ก็สามารถ รีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคล ได้เช่นกัน หากคุณมีประวัติดี รายได้มั่นคง และภาระหนี้รวมอยู่ในระดับปลอดภัย การรีไฟแนนซ์ในช่วงนี้อาจช่วยให้คุณลดดอกเบี้ยได้มากขึ้นในระยะยาว หรือปรับแผนหนี้ให้เหมาะกับสถานะการเงินปัจจุบัน แต่อย่าลืมคำนวณต้นทุน ค่าธรรมเนียม และผลกระทบอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจทุกครั้ง หากวางแผนดี รีไฟแนนซ์ก็เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการปลดหนี้เร็วขึ้น และทำให้คุณก้าวสู่ความมั่นคงทางการเงินได้อย่างมั่นใจ