การค้ำประกันดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับหลายคน โดยเฉพาะเมื่อผู้ขอให้ค้ำคือคนใกล้ชิด เช่น ญาติสนิท เพื่อนรัก หรือคนในครอบครัว แต่รู้หรือไม่ว่า การค้ำประกันเพียงลายเซ็นเดียว อาจนำไปสู่ภาระหนี้สินหลายแสนหรือแม้แต่นับล้านบาท โดยที่คุณไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว และวันนี้มันนี่ฮับจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจค้ำประกัน พร้อมข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างรอบคอบ และปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงที่อาจตามมา
ค้ำประกันคืออะไร
ค้ำประกัน คือการที่บุคคลหนึ่ง (ผู้ค้ำประกัน) ให้คำมั่นต่อเจ้าหนี้ว่าจะรับผิดชอบหนี้แทนลูกหนี้หลัก หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา กล่าวง่าย ๆ ก็คือ หากคนที่คุณค้ำให้ไม่จ่ายหนี้ คุณต้องจ่ายแทน การค้ำประกันมีหลายรูปแบบ เช่น
- ค้ำประกันเงินกู้
- ค้ำประกันบัตรเครดิต
- ค้ำประกันการเช่าทรัพย์
- ค้ำประกันสินเชื่อรถยนต์หรือบ้าน
ข้อควรรู้ก่อนค้ำประกัน
- ความรับผิดชอบเต็มจำนวน หลายคนคิดว่าการค้ำประกันเป็นแค่ "สำรองจ่ายชั่วคราว" แต่ความจริงแล้ว หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ผู้ค้ำต้องชดใช้ "เต็มจำนวน" ไม่ว่าจะเป็นเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าปรับ หรือค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย
ตัวอย่างเช่น หากเพื่อนกู้เงินธนาคาร 500,000 บาท แล้วหนีหนี้ไป คุณต้องจ่ายแทนทั้งหมด รวมถึงดอกเบี้ยและค่าทนายที่ตามมา - ข้อมูลหนี้ต้องรู้ครบ ก่อนเซ็นชื่อค้ำประกัน อย่าลืมขอเอกสารทั้งหมดจากเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็น
ก่อนเซ็นชื่อ ค้ำประกัน อย่าลืมขอเอกสารและตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดจากเจ้าหนี้อย่างถี่ถ้วน เพราะทุกบรรทัดในสัญญาสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้ หากไม่อ่านให้ดี คุณอาจต้องรับภาระหนี้โดยไม่ทันตั้งตัวข้อมูลสำคัญที่ต้องรู้ ได้แก่
- วงเงินกู้ ต้องรู้ว่าลูกหนี้กู้เงินจำนวนเท่าไหร่ และคุณค้ำในวงเงินเต็มจำนวนหรือแค่บางส่วน หากไม่ได้ระบุให้ชัด อาจตีความได้ว่าค้ำแบบไม่จำกัดวงเงิน ซึ่งเสี่ยงมาก
- อัตราดอกเบี้ย ตรวจสอบว่าเป็นอัตราคงที่หรือผันแปร หากผันแปรตาม MRR หรือ MLR อาจมีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะสูงขึ้นภายหลัง ซึ่งหมายความว่าหนี้จะพอกพูนเร็วกว่าที่คิด
- ระยะเวลาผ่อนชำระ ต้องรู้ว่าการกู้เงินมีระยะเวลากี่ปี ชำระรายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อให้คุณประเมินได้ว่าหากต้องรับผิดแทน จะต้องรับภาระในระยะยาวแค่ไหน
- เงื่อนไขผิดนัดชำระ บางสัญญาระบุว่าแค่ขาดชำระเพียง 1 งวด ก็ถือว่าผิดนัดทันที และผู้ค้ำต้องรับผิดแทน นอกจากนี้ยังอาจมีค่าปรับหรือเบี้ยปรับที่เพิ่มขึ้นทันทีที่ผิดนัด
- สิทธิในการติดตามหนี้ของเจ้าหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกเงินจากผู้ค้ำได้เลยโดยไม่ต้องฟ้องลูกหนี้ก่อนหรือไม่? หากใช่ นั่นหมายความว่าคุณอาจถูกฟ้องเป็นรายแรก และเจ้าหนี้อาจข้ามลูกหนี้ไปหาคุณทันที
- การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในอนาคต คุณควรถามให้แน่ใจว่า หากลูกหนี้และเจ้าหนี้มีการต่อรองเปลี่ยนเงื่อนไขในภายหลัง (เช่น เพิ่มวงเงินกู้ ขยายเวลาชำระ) จะมีผลต่อผู้ค้ำด้วยหรือไม่ หากมี ควรระบุไว้ในสัญญาว่าผู้ค้ำต้องได้รับหนังสือแจ้งล่วงหน้าและต้องยินยอมก่อน
การรู้ครบในจุดนี้ ไม่ใช่แค่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้รอบคอบเท่านั้น แต่ยังเป็นการ “กันตัวเองล่วงหน้า” จากปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลัง เพราะหนี้ที่ค้ำ คือ “หนี้ในความเสี่ยงของคุณ” ไม่ใช่ของคนอื่นเท่านั้นเพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อภาระที่คุณต้องรับผิดในอนาคต - ผู้ค้ำไม่ใช่ตัวเลือกสุดท้าย ตามกฎหมายใหม่ (พรบ.ทวงถามหนี้) เจ้าหนี้มีสิทธิ์ไล่บี้หนี้จากผู้ค้ำได้ "ทันที" โดยไม่ต้องรอให้ลูกหนี้ผิดนัดก่อนเป็นระยะเวลานาน เหมือนในอดีต คุณอาจถูกฟ้องพร้อมกันกับลูกหนี้เลยก็ได้
- การค้ำประกันมีผลต่อเครดิตคุณ ถ้าลูกหนี้ผิดนัดชำระ และคุณไม่สามารถจ่ายแทนได้ ประวัติเครดิตของคุณจะเสียทันที ถูกบันทึกในเครดิตบูโร ส่งผลให้คุณกู้เงินในอนาคตลำบากขึ้น หรืออาจถูกปฏิเสธสินเชื่อทันที
สิทธิของผู้ค้ำประกัน
หลายคนไม่รู้ว่า ผู้ค้ำประกันมีสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่ใช่แค่เป็น “แพะ” ที่จ่ายแทนคนอื่นสิทธิที่สำคัญ เช่น
- สิทธิไล่เบี้ย เมื่อคุณชำระหนี้แทนลูกหนี้แล้ว คุณมีสิทธิไล่เบี้ยเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติ อาจยากหากลูกหนี้หนีหายหรือไม่มีทรัพย์
- สิทธิขอตรวจสอบสถานะหนี้ คุณสามารถขอข้อมูลการชำระหนี้ของลูกหนี้จากเจ้าหนี้ได้ เพื่อป้องกันปัญหาผิดนัดโดยไม่รู้ตัว
- สิทธิขอยุติค้ำประกัน (ในบางกรณี) หากเป็นการค้ำประกันแบบมีระยะเวลา หรือมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาหนี้โดยที่คุณไม่เห็นชอบ คุณสามารถปฏิเสธความรับผิดได้ตามกฎหมาย
ควรค้ำประกันให้ใคร
การตัดสินใจค้ำประกันควรผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นเหล่านี้
- คุณรู้จักคนที่ขอค้ำดีแค่ไหน? มีประวัติเบี้ยวหนี้หรือไม่
- ฐานะการเงินของคุณเองมั่นคงพอหรือไม่? ถ้าต้องรับผิดแทน จะกระทบชีวิตขนาดไหน
- จำนวนเงินที่ค้ำมากหรือน้อย? เกินกว่าที่คุณจ่ายแทนได้หรือไม่
- คุณได้รับเอกสารครบถ้วนหรือไม่? หากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน อย่าเพิ่งเซ็น!
คำแนะนำก่อนตัดสินใจค้ำประกัน
- ขอสำเนาสัญญาไว้กับตัว การมีเอกสารไว้จะช่วยให้คุณรู้สถานะหนี้ และสามารถใช้เป็นหลักฐานหากมีข้อพิพาทในอนาคต
- หลีกเลี่ยงการค้ำโดยไม่เขียนวงเงิน หากในเอกสารไม่ได้ระบุวงเงินสูงสุดที่ค้ำ ผู้ค้ำอาจต้องรับผิด "ไม่จำกัดวงเงิน" ซึ่งอันตรายมาก
- เลือกค้ำในวงเงินที่จำกัด (หากจำเป็นต้องค้ำจริง) บางธนาคารหรือบริษัทมีแบบฟอร์มให้เลือกค้ำเฉพาะบางส่วนของวงเงินกู้ ซึ่งลดความเสี่ยงของคุณได้
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายก่อนเซ็น แม้คุณจะไว้ใจผู้กู้ แต่ควรมีที่ปรึกษาเป็นคนกลาง ช่วยอ่านและอธิบายเอกสาร เพื่อให้คุณเข้าใจจริง ๆ
ค้ำประกันไม่ใช่แค่เรื่องน้ำใจ
ความจริงคือ "น้ำใจ" ไม่สามารถใช้ชำระหนี้แทนเงินสดได้ หลายคนพังเพราะค้ำให้เพื่อน ค้ำให้แฟน หรือแม้แต่คนในครอบครัว โดยไม่เข้าใจผลที่ตามมาหากคุณถูกขอให้ค้ำประกัน อย่าเพิ่งรู้สึกเกรงใจหรือกลัวเสียความสัมพันธ์ สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องปกป้องตัวเองก่อนเสมอ