ก่อนตัดสินใจค้ำประกันให้ใคร ต้องรู้อะไรบ้าง

11 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ก่อนตัดสินใจค้ำประกันให้ใคร ต้องรู้อะไรบ้าง

    การค้ำประกันดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับหลายคน โดยเฉพาะเมื่อผู้ขอให้ค้ำคือคนใกล้ชิด เช่น ญาติสนิท เพื่อนรัก หรือคนในครอบครัว แต่รู้หรือไม่ว่า การค้ำประกันเพียงลายเซ็นเดียว อาจนำไปสู่ภาระหนี้สินหลายแสนหรือแม้แต่นับล้านบาท โดยที่คุณไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว และวันนี้มันนี่ฮับจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจค้ำประกัน พร้อมข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างรอบคอบ และปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงที่อาจตามมา


ค้ำประกันคืออะไร

    ค้ำประกัน คือการที่บุคคลหนึ่ง (ผู้ค้ำประกัน) ให้คำมั่นต่อเจ้าหนี้ว่าจะรับผิดชอบหนี้แทนลูกหนี้หลัก หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา กล่าวง่าย ๆ ก็คือ หากคนที่คุณค้ำให้ไม่จ่ายหนี้ คุณต้องจ่ายแทน การค้ำประกันมีหลายรูปแบบ เช่น

  • ค้ำประกันเงินกู้
  • ค้ำประกันบัตรเครดิต
  • ค้ำประกันการเช่าทรัพย์
  • ค้ำประกันสินเชื่อรถยนต์หรือบ้าน

 

ข้อควรรู้ก่อนค้ำประกัน

  1. ความรับผิดชอบเต็มจำนวน หลายคนคิดว่าการค้ำประกันเป็นแค่ "สำรองจ่ายชั่วคราว" แต่ความจริงแล้ว หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ผู้ค้ำต้องชดใช้ "เต็มจำนวน" ไม่ว่าจะเป็นเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าปรับ หรือค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย
       ตัวอย่างเช่น หากเพื่อนกู้เงินธนาคาร 500,000 บาท แล้วหนีหนี้ไป คุณต้องจ่ายแทนทั้งหมด รวมถึงดอกเบี้ยและค่าทนายที่ตามมา
  2. ข้อมูลหนี้ต้องรู้ครบ ก่อนเซ็นชื่อค้ำประกัน อย่าลืมขอเอกสารทั้งหมดจากเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็น
        ก่อนเซ็นชื่อ ค้ำประกัน อย่าลืมขอเอกสารและตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดจากเจ้าหนี้อย่างถี่ถ้วน เพราะทุกบรรทัดในสัญญาสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้ หากไม่อ่านให้ดี คุณอาจต้องรับภาระหนี้โดยไม่ทันตั้งตัวข้อมูลสำคัญที่ต้องรู้ ได้แก่
    - วงเงินกู้ ต้องรู้ว่าลูกหนี้กู้เงินจำนวนเท่าไหร่ และคุณค้ำในวงเงินเต็มจำนวนหรือแค่บางส่วน หากไม่ได้ระบุให้ชัด อาจตีความได้ว่าค้ำแบบไม่จำกัดวงเงิน ซึ่งเสี่ยงมาก
    - อัตราดอกเบี้ย ตรวจสอบว่าเป็นอัตราคงที่หรือผันแปร หากผันแปรตาม MRR หรือ MLR อาจมีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะสูงขึ้นภายหลัง ซึ่งหมายความว่าหนี้จะพอกพูนเร็วกว่าที่คิด
    - ระยะเวลาผ่อนชำระ ต้องรู้ว่าการกู้เงินมีระยะเวลากี่ปี ชำระรายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อให้คุณประเมินได้ว่าหากต้องรับผิดแทน จะต้องรับภาระในระยะยาวแค่ไหน
    - เงื่อนไขผิดนัดชำระ บางสัญญาระบุว่าแค่ขาดชำระเพียง 1 งวด ก็ถือว่าผิดนัดทันที และผู้ค้ำต้องรับผิดแทน นอกจากนี้ยังอาจมีค่าปรับหรือเบี้ยปรับที่เพิ่มขึ้นทันทีที่ผิดนัด
    - สิทธิในการติดตามหนี้ของเจ้าหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกเงินจากผู้ค้ำได้เลยโดยไม่ต้องฟ้องลูกหนี้ก่อนหรือไม่? หากใช่ นั่นหมายความว่าคุณอาจถูกฟ้องเป็นรายแรก และเจ้าหนี้อาจข้ามลูกหนี้ไปหาคุณทันที
    - การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในอนาคต คุณควรถามให้แน่ใจว่า หากลูกหนี้และเจ้าหนี้มีการต่อรองเปลี่ยนเงื่อนไขในภายหลัง (เช่น เพิ่มวงเงินกู้ ขยายเวลาชำระ) จะมีผลต่อผู้ค้ำด้วยหรือไม่ หากมี ควรระบุไว้ในสัญญาว่าผู้ค้ำต้องได้รับหนังสือแจ้งล่วงหน้าและต้องยินยอมก่อน
        การรู้ครบในจุดนี้ ไม่ใช่แค่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้รอบคอบเท่านั้น แต่ยังเป็นการ “กันตัวเองล่วงหน้า” จากปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลัง เพราะหนี้ที่ค้ำ คือ “หนี้ในความเสี่ยงของคุณ” ไม่ใช่ของคนอื่นเท่านั้นเพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อภาระที่คุณต้องรับผิดในอนาคต
  3. ผู้ค้ำไม่ใช่ตัวเลือกสุดท้าย ตามกฎหมายใหม่ (พรบ.ทวงถามหนี้) เจ้าหนี้มีสิทธิ์ไล่บี้หนี้จากผู้ค้ำได้ "ทันที" โดยไม่ต้องรอให้ลูกหนี้ผิดนัดก่อนเป็นระยะเวลานาน เหมือนในอดีต คุณอาจถูกฟ้องพร้อมกันกับลูกหนี้เลยก็ได้
  4. การค้ำประกันมีผลต่อเครดิตคุณ ถ้าลูกหนี้ผิดนัดชำระ และคุณไม่สามารถจ่ายแทนได้ ประวัติเครดิตของคุณจะเสียทันที ถูกบันทึกในเครดิตบูโร ส่งผลให้คุณกู้เงินในอนาคตลำบากขึ้น หรืออาจถูกปฏิเสธสินเชื่อทันที

 

สิทธิของผู้ค้ำประกัน

   หลายคนไม่รู้ว่า ผู้ค้ำประกันมีสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่ใช่แค่เป็น “แพะ” ที่จ่ายแทนคนอื่นสิทธิที่สำคัญ เช่น

  1. สิทธิไล่เบี้ย เมื่อคุณชำระหนี้แทนลูกหนี้แล้ว คุณมีสิทธิไล่เบี้ยเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติ อาจยากหากลูกหนี้หนีหายหรือไม่มีทรัพย์
  2. สิทธิขอตรวจสอบสถานะหนี้ คุณสามารถขอข้อมูลการชำระหนี้ของลูกหนี้จากเจ้าหนี้ได้ เพื่อป้องกันปัญหาผิดนัดโดยไม่รู้ตัว
  3. สิทธิขอยุติค้ำประกัน (ในบางกรณี) หากเป็นการค้ำประกันแบบมีระยะเวลา หรือมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาหนี้โดยที่คุณไม่เห็นชอบ คุณสามารถปฏิเสธความรับผิดได้ตามกฎหมาย

ควรค้ำประกันให้ใคร

    การตัดสินใจค้ำประกันควรผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นเหล่านี้

  • คุณรู้จักคนที่ขอค้ำดีแค่ไหน? มีประวัติเบี้ยวหนี้หรือไม่
  • ฐานะการเงินของคุณเองมั่นคงพอหรือไม่? ถ้าต้องรับผิดแทน จะกระทบชีวิตขนาดไหน
  • จำนวนเงินที่ค้ำมากหรือน้อย? เกินกว่าที่คุณจ่ายแทนได้หรือไม่
  • คุณได้รับเอกสารครบถ้วนหรือไม่? หากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน อย่าเพิ่งเซ็น!

 

คำแนะนำก่อนตัดสินใจค้ำประกัน

  1. ขอสำเนาสัญญาไว้กับตัว การมีเอกสารไว้จะช่วยให้คุณรู้สถานะหนี้ และสามารถใช้เป็นหลักฐานหากมีข้อพิพาทในอนาคต
  2. หลีกเลี่ยงการค้ำโดยไม่เขียนวงเงิน หากในเอกสารไม่ได้ระบุวงเงินสูงสุดที่ค้ำ ผู้ค้ำอาจต้องรับผิด "ไม่จำกัดวงเงิน" ซึ่งอันตรายมาก
  3. เลือกค้ำในวงเงินที่จำกัด (หากจำเป็นต้องค้ำจริง) บางธนาคารหรือบริษัทมีแบบฟอร์มให้เลือกค้ำเฉพาะบางส่วนของวงเงินกู้ ซึ่งลดความเสี่ยงของคุณได้
  4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายก่อนเซ็น แม้คุณจะไว้ใจผู้กู้ แต่ควรมีที่ปรึกษาเป็นคนกลาง ช่วยอ่านและอธิบายเอกสาร เพื่อให้คุณเข้าใจจริง ๆ

ค้ำประกันไม่ใช่แค่เรื่องน้ำใจ

    ความจริงคือ "น้ำใจ" ไม่สามารถใช้ชำระหนี้แทนเงินสดได้ หลายคนพังเพราะค้ำให้เพื่อน ค้ำให้แฟน หรือแม้แต่คนในครอบครัว โดยไม่เข้าใจผลที่ตามมาหากคุณถูกขอให้ค้ำประกัน อย่าเพิ่งรู้สึกเกรงใจหรือกลัวเสียความสัมพันธ์ สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องปกป้องตัวเองก่อนเสมอ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้