ขอสินเชื่อไม่ผ่าน ทำยังไงต่อ? 5 ทางรอดที่ยังเหลือสำหรับคนอยากได้เงินกู้
21 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนที่ต้องการ กู้สินเชื่อ ไม่ว่าจะเพื่อนำไปใช้จ่ายฉุกเฉิน หมุนเวียนธุรกิจ ปิดหนี้เก่า หรือซ่อมบ้าน เมื่อไปยื่นขอกับธนาคารแล้วเจอคำตอบว่า “ไม่อนุมัติ” ย่อมรู้สึกผิดหวังและเคว้งคว้าง คำถามที่เกิดขึ้นทันทีคือ ขอสินเชื่อไม่ผ่านทำไงดี? เพราะบางครั้งความต้องการใช้เงินนั้นไม่สามารถรอได้ อย่าเพิ่งหมดหวัง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 ทางรอดหลังจากขอสินเชื่อไม่ผ่าน พร้อมแนะแนวทางเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการยื่นขอกู้ครั้งถัดไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมถึง ขอสินเชื่อไม่ผ่าน
ก่อนจะไปถึงทางออก มาดูกันก่อนว่าเหตุผลหลักที่ทำให้หลายคน กู้สินเชื่อ ไม่ผ่าน มีอะไรบ้าง
- ประวัติเครดิตไม่ดี (ติดบูโร) ถ้าเคยผิดนัดชำระหนี้ หรือจ่ายล่าช้า ระบบเครดิตบูโรจะมีข้อมูลเหล่านี้ ทำให้ธนาคารมองว่าคุณมีความเสี่ยง
- รายได้ไม่เพียงพอหรือไม่สม่ำเสมอ หากรายได้ต่ำกว่าที่ธนาคารกำหนด หรือไม่มีหลักฐานรายได้แน่นอน (โดยเฉพาะอาชีพอิสระ) ก็อาจถูกปฏิเสธได้
- ภาระหนี้เดิมเยอะเกินไป (หนี้ต่อรายได้สูง) – ถึงแม้คุณจะมีรายได้สูง แต่ถ้าผ่อนหลายที่จน DTI (Debt to Income Ratio) เกิน 40-50% ก็อาจโดนปัดตก
- ไม่มีหลักประกันหรือผู้ค้ำ – บางสินเชื่อต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำ หากไม่มี ธนาคารก็เสี่ยงเกินไปที่จะอนุมัติ
- เอกสารไม่ครบหรือไม่ถูกต้อง – ข้อนี้เกิดขึ้นบ่อย อย่ามองข้ามรายละเอียดเล็กน้อย
รู้สาเหตุแล้ว ทีนี้เรามาดู “ทางรอด” กันเลย
ขอสินเชื่อไม่ผ่านทำไงดี? ทางรอดที่ยังเหลือมีอะไรบ้าง
เช็กเครดิตบูโร และปรับปรุงประวัติการเงิน
หากคุณไม่แน่ใจว่าทำไมถึงขอสินเชื่อไม่ผ่าน ให้เริ่มจากการ เช็กเครดิตบูโร ด้วยตัวเอง (สามารถขอรายงานได้ผ่านแอป myCredit หรือธนาคารต่างๆ) เพื่อดูว่ามีหนี้ค้างเก่าหรือประวัติเสียอะไรอยู่หรือไม่ทางแก้
- เคลียร์หนี้เก่าที่ค้างอยู่
- ชำระค่างวดให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ
- ใช้เวลา 6-12 เดือนเพื่อสร้างประวัติที่ดีขึ้นก่อนขอกู้ใหม่
หากทำได้ ธนาคารจะเริ่มเห็นความรับผิดชอบของคุณ และอาจพิจารณาใหม่ในการขอกู้รอบถัดไปยื่นขอกับสถาบันการเงินอื่น
อย่าคิดว่าถ้าธนาคารหนึ่งไม่อนุมัติ สถาบันอื่นจะเป็นเหมือนกันทุกแห่ง เพราะแต่ละแห่งมีเงื่อนไขการพิจารณาต่างกันทางเลือกอื่นที่ควรลอง
- ธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส., ธอส., ออมสิน ซึ่งมักมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือประชาชน
- สหกรณ์ออมทรัพย์ (หากคุณเป็นสมาชิกหรือข้าราชการ)
- สินเชื่อฟินเทคจากผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาต เช่น LINE BK, เงินทันเด้อ, SCB Abacus
ข้อดีคือบางแห่งเน้นใช้ AI ในการพิจารณาความสามารถในการชำระ มากกว่าจะยึดแค่เครดิตบูโรอย่างเดียวหาผู้กู้ร่วม หรือผู้ค้ำประกัน
อีกหนึ่งทางรอดสำคัญสำหรับคนที่เคยขอกู้ไม่ผ่านคือ ใช้ผู้กู้ร่วม หรือหาผู้ค้ำประกันที่มีเครดิตดี เข้ามาช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือเหมาะกับ:
- ผู้มีรายได้น้อย หรือรายได้ไม่แน่นอน
- คนที่มีภาระหนี้สูง
- อาชีพอิสระที่ไม่มีสลิปเงินเดือน
ทั้งนี้ ผู้กู้ร่วมควรเป็นบุคคลที่มีเครดิตดี รายได้มั่นคง และยินยอมผูกพันตามสัญญาเงินกู้ร่วมกับคุณเลือกสินเชื่อที่เหมาะกับสถานะของคุณ
หลายคนยื่นกู้แบบ “ผิดประเภท” เช่น รายได้ 12,000 บาท แต่ไปขอกู้สินเชื่อบุคคลวงเงิน 300,000 บาท ธนาคารก็ต้องปฏิเสธลองพิจารณาใหม่
มองหาทางเลือกนอกระบบธนาคาร (ที่ถูกกฎหมาย)
หากธนาคารไม่ใช่คำตอบตอนนี้ ทางเลือกอื่นที่คุณควรพิจารณา (โดยไม่หันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย) ได้แก่
- แพลตฟอร์ม P2P Lending เช่น PeerPower หรือ UME ที่ให้คุณยื่นขอกู้โดยจับคู่กับนักลงทุน ไม่ต้องผ่านธนาคาร ซึ่งมักพิจารณาจากพฤติกรรมทางการเงินจริง
- ขายของออนไลน์ หรือหารายได้เสริม อาจจะไม่ใช่ “กู้เงิน” แต่เป็นการสร้างรายได้ชั่วคราวเพื่อชดเชยการไม่ได้รับสินเชื่อ ถือเป็นแผน B ที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะสั้น
- ขอกู้จากครอบครัวหรือเพื่อนที่ไว้ใจได้ หากมีเงื่อนไขชัดเจน เช่น ทำสัญญาเงินกู้ เขียนระยะเวลาคืนเงินและดอกเบี้ยไว้ ก็อาจเป็นวิธีชั่วคราวที่ช่วยได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแพง
สรุป ขอสินเชื่อไม่ผ่านทำไงดี? เริ่มใหม่ให้ดีกว่าเดิม
อย่าคิดว่า ขอสินเชื่อไม่ผ่าน เท่ากับหมดหนทาง เพราะยังมีอีกหลายประตูให้คุณเลือกลอง เพียงแต่ต้องวางแผน เตรียมเอกสารให้พร้อม และเลือกรูปแบบสินเชื่อที่เหมาะสมกับตัวเอง
Checklist เมื่อต้องการขอกู้ใหม่
- เช็กเครดิตบูโร
- เคลียร์ภาระหนี้
- เตรียมสลิปเงินเดือนหรือเอกสารรายได้
- ลดวงเงินบัตรเครดิตที่ใช้
- หาผู้ค้ำ/กู้ร่วมหากจำเป็น
