17 จำนวนผู้เข้าชม |
การกู้เงินในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน เพราะด้วยระบบการขอกู้ที่สะดวกขึ้น บริการทางการเงินที่เข้าถึงง่าย และการเปิดกว้างของสถาบันการเงินหลายแห่ง ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถ “กู้สินเชื่อ” ได้ง่ายขึ้น ทั้งเพื่อหมุนเวียนธุรกิจ เสริมสภาพคล่องส่วนตัว หรือเพื่อเป้าหมายบางอย่างในชีวิต
แต่แม้จะดูเหมือนง่ายแค่กดมือถือไม่กี่คลิก ก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจไปแบบไม่มีแผน! เพราะถ้าไม่วางแผนให้ดี ปลายทางอาจกลายเป็นภาระหนี้ที่ค้างจ่าย เสียเครดิต หรือโดนทวงแบบไม่ทันตั้งตัว
ในบทความนี้เราจะชวนคุณมา “เตรียมตัวก่อนกู้” และรู้วิธีกู้เงินอย่างชาญฉลาด เพื่อให้คุณมั่นใจว่าเมื่อเลือกกู้แล้ว จะไม่สะดุดระหว่างทาง
ก่อนจะตัดสินใจกู้สินเชื่อ คำถามแรกที่ควรถามตัวเองให้ชัดคือ “กู้เงินไปเพื่ออะไร?”
ถ้ารู้จุดประสงค์ชัด จะช่วยให้คุณประเมินได้ว่าจำนวนเงินที่ควรกู้เท่าไหร่ และควรเลือกสินเชื่อประเภทไหน ไม่ใช่กู้ไปแล้วเหลือเยอะ ใช้ฟุ่มเฟือย แล้วกลายเป็นภาระโดยไม่รู้ตัว
เวลาที่เราเห็นยอดวงเงินอนุมัติผ่านง่าย หลายคนมักเผลอใจไปกับคำว่า “ได้เต็มวงเงิน!” ทั้งที่จริง การกู้เงินไม่ควรดูแค่ตัวเลขอนุมัติ แต่ควรดู “ภาระการผ่อนชำระ” ที่ตามมาด้วย ลองคำนวณแบบง่าย ๆ
โดยทั่วไปแล้ว ภาระหนี้ทั้งหมด (รวมบ้าน รถ และสินเชื่อ) ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้สุทธิ ถ้ามากกว่านั้น จะเสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่อง และมีโอกาสค้างชำระสูง
หลายคนมักเลือกสินเชื่อที่ “ดอกเบี้ยถูกสุด” โดยลืมดูเงื่อนไขอื่น ๆ ที่อาจมีผลมากกว่า เช่น
ตัวอย่างเช่น คุณ A กู้สินเชื่อส่วนบุคคล 100,000 บาท จากธนาคารแห่งหนึ่งที่โฆษณาว่าดอกเบี้ยต่ำแค่ 8% ต่อปี แต่ในสัญญามีค่าธรรมเนียมดำเนินการ 3% และค่าทำสัญญาอีก 2% สุดท้ายเงินที่ได้รับจริงเหลือเพียง 95,000 บาท แต่ต้องจ่ายคืนตามยอด 100,000 บาท
ดังนั้น ก่อนกู้ อย่าดูแค่ตัวเลขที่โฆษณา แต่ควรอ่านเงื่อนไขให้ครบทุกบรรทัด
แม้จะมีแอปหรือเว็บไซต์ให้กู้สินเชื่อได้สะดวกเพียงปลายนิ้ว แต่การรีบกู้เจ้าแรกที่เจออาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด คุณควรเปรียบเทียบอย่างน้อย 2-3 แห่งก่อนตัดสินใจ โดยดูทั้งอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขการชำระ ระยะเวลาผ่อน และความยืดหยุ่นในกรณีฉุกเฉิน เช่น ขอพักชำระหนี้ชั่วคราว หรือขอเปลี่ยนแปลงวันชำระ การเปรียบเทียบนี้อาจดูเหมือนยุ่งยากในตอนแรก แต่เชื่อเถอะว่า คุ้มในระยะยาว และช่วยลดความเสี่ยงที่จะค้างชำระได้จริง
สิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือ การผ่อนชำระงวดแรกคือ “ตัววัดเครดิต” ที่ธนาคารหรือแหล่งปล่อยกู้ใช้ดูความน่าเชื่อถือของคุณ หากพลาดงวดแรก หรือจ่ายช้าเกินไป จะส่งผลกับประวัติเครดิตทันที และอาจทำให้อนาคตกู้ยากขึ้นวิธีป้องกันคือ
ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ตกงาน ชักหน้าไม่ถึงหลัง หรือมีเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ผ่อนไม่ไหว อย่าเงียบและปล่อยให้ค้างจ่ายยาว ติดต่อเจ้าหนี้หรือธนาคารทันทีเพื่อแจ้งสถานการณ์ และขอคำปรึกษาว่ามีทางเลือกอื่นไหม เช่น ขอพักหนี้ชั่วคราว ขอลดค่างวด หรือขอปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ การเงียบไม่ช่วยให้ปัญหาหายไป แถมอาจโดนดอกเบี้ยปรับสะสม จนกลายเป็นหนี้พอกหางหมูในภายหลัง
การ “กู้เงิน” ไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลัว หากคุณรู้ว่าเงินก้อนนี้จะช่วยพาคุณไปถึงเป้าหมายได้จริง แต่สิ่งที่น่ากลัวคือการกู้แบบไม่มีแผน กู้เพราะอยากได้ตอนนี้ โดยไม่มองให้รอบถึง “พรุ่งนี้จะจ่ายยังไง?” ก่อนจะเซ็นชื่อในเอกสารหรือกดยืนยันกู้ผ่านแอป ลองใช้เวลาสั้น ๆ ถามตัวเองแบบตรงไปตรงมา