ในยุคที่การเข้าถึงสินเชื่อเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน รถยนต์ หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพง คำว่า “ไฟแนนซ์” และ “รีไฟแนนซ์” มักปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แล้ว ไฟแนนซ์คืออะไร? และการ จัดไฟแนนซ์กับรีไฟแนนซ์ แตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจให้ชัด พร้อมเจาะลึกข้อดี ข้อเสีย และวิธีเลือกให้เหมาะกับความต้องการของคุณ
ไฟแนนซ์คืออะไร?
ไฟแนนซ์ (Finance) ในความหมายทั่วไป คือ การบริหารจัดการเงิน แต่เมื่อพูดถึงในบริบทของ “การจัดไฟแนนซ์” โดยเฉพาะกับรถยนต์หรือสินทรัพย์ขนาดใหญ่ จะหมายถึง การขอสินเชื่อหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อนำไปซื้อของ หรือชำระราคาสินทรัพย์แบบผ่อนชำระ แทนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ทีเดียว
ตัวอย่างที่พบได้บ่อยที่สุดคือการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ เช่น
- ผู้ซื้อต้องการซื้อรถราคา 500,000 บาท
- มีเงินดาวน์ 100,000 บาท
- ขอสินเชื่อจากไฟแนนซ์ในส่วนที่เหลือ 400,000 บาท
- ผ่อนชำระเป็นรายเดือนพร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงกัน
การจัดไฟแนนซ์คืออะไร?
การจัดไฟแนนซ์ (Financing) คือกระบวนการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อนำไปซื้อสินค้าหรือบริการ โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น รถยนต์ บ้าน หรือเครื่องจักร โดยผู้ขอสินเชื่อต้องมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่ผู้ให้สินเชื่อกำหนด เช่น รายได้ ประวัติทางการเงิน และความสามารถในการชำระหนี้
ประเภทของการจัดไฟแนนซ์
- จัดไฟแนนซ์รถยนต์ป้ายแดง สำหรับผู้ที่ซื้อรถใหม่จากโชว์รูม
- จัดไฟแนนซ์รถยนต์มือสอง สำหรับผู้ที่ซื้อรถจากเต็นท์ หรือบุคคลทั่วไป
- จัดไฟแนนซ์บ้าน การขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน
- จัดไฟแนนซ์สินค้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเฟอร์นิเจอร์ ผ่านบัตรเครดิตหรือบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อ
รีไฟแนนซ์คืออะไร?
รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือการขอสินเชื่อใหม่เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อเดิม โดยมีจุดประสงค์หลักคือ ลดภาระดอกเบี้ย ลดค่างวดรายเดือน หรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสินเชื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบัน
ตัวอย่าง
คุณมีสินเชื่อรถยนต์ที่ผ่อนมาแล้ว 2 ปี แต่ดอกเบี้ยสูง หากปัจจุบันมีสถาบันการเงินอื่นให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า คุณสามารถรีไฟแนนซ์ไปยังเจ้าใหม่เพื่อประหยัดเงินในระยะยาว
ความแตกต่างระหว่างการจัดไฟแนนซ์กับรีไฟแนนซ์
- จุดประสงค์ของการใช้บริการ
- การจัดไฟแนนซ์ เพื่อขอสินเชื่อสำหรับซื้อสินทรัพย์ใหม่ เช่น รถยนต์ บ้าน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพง
- การรีไฟแนนซ์ เพื่อขอสินเชื่อใหม่มาปรับปรุงเงื่อนไขของหนี้เดิม เช่น ลดดอกเบี้ย หรือเปลี่ยนระยะเวลาการผ่อนชำระ - ช่วงเวลาที่ใช้บริการ
- การจัดไฟแนนซ์ ใช้เมื่อเริ่มต้นซื้อสินทรัพย์และยังไม่มีภาระหนี้สินมาก่อน
- การรีไฟแนนซ์ ใช้เมื่อมีหนี้สินเดิมอยู่แล้ว และต้องการเปลี่ยนเงื่อนไขให้ดีขึ้น - ผู้ใช้บริการ
- การจัดไฟแนนซ์ ผู้ที่กำลังจะซื้อของหรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง
- การรีไฟแนนซ์ ผู้ที่กำลังผ่อนชำระสินเชื่ออยู่ และมองหาทางเลือกที่ดีกว่า - ผลลัพธ์ที่ได้รับ
- การจัดไฟแนนซ์ ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ทันที โดยมีภาระผ่อนชำระตามสัญญา
- การรีไฟแนนซ์ ได้เงื่อนไขการผ่อนที่เบาลง เช่น ค่างวดลดลง หรือดอกเบี้ยต่ำลง - ประเภทของสินทรัพย์
- การจัดไฟแนนซ์ มักใช้กับสินทรัพย์ใหม่ เช่น รถป้ายแดง หรือบ้านที่ยังไม่เคยมีเจ้าของ
- การรีไฟแนนซ์ ใช้กับสินทรัพย์ที่มีการผ่อนอยู่แล้ว เช่น รถยนต์ที่กำลังผ่อนกับสถาบันหนึ่ง แล้วเปลี่ยนไปอีกสถาบัน - ประโยชน์หลัก
- การจัดไฟแนนซ์ ช่วยให้ซื้อของใหญ่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดทั้งหมด
- การรีไฟแนนซ์ ช่วยลดภาระทางการเงินในระยะยาว ทำให้การบริหารหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อดีของการจัดไฟแนนซ์
- ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการซื้อของ
- มีโอกาสเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่ต้องการทันที
- เลือกผ่อนชำระได้ตามความสามารถ
- สร้างประวัติทางการเงินที่ดีหากชำระตรงเวลา
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์
- ลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในระยะยาว
- ลดค่างวดรายเดือน เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
- เปลี่ยนระยะเวลาผ่อนชำระให้เหมาะสม
- ได้โปรโมชั่นหรือเงื่อนไขใหม่ที่ดีกว่าเดิม
ควรเลือกจัดไฟแนนซ์หรือรีไฟแนนซ์เมื่อไหร่?
- เลือก จัดไฟแนนซ์ เมื่อคุณต้องการซื้อสินทรัพย์ใหม่แต่ไม่มีเงินก้อน
- เลือก รีไฟแนนซ์ เมื่อคุณมีสินเชื่ออยู่แล้ว และพบว่ามีข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น ดอกเบี้ยถูกลง หรืออยากลดภาระการผ่อนในแต่ละเดือน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนรีไฟแนนซ์
- ดอกเบี้ยใหม่ต่ำกว่าเดิมหรือไม่
- ค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์คุ้มค่าหรือไม่
- ประวัติการผ่อนชำระของคุณดีพอที่จะได้รับข้อเสนอที่ดีหรือไม่
- มูลค่าของสินทรัพย์คงเหลือมากน้อยแค่ไหน
- จุดประสงค์ของการรีไฟแนนซ์คืออะไร เช่น ต้องการลดค่างวด หรือปิดหนี้ให้เร็วขึ้น
สรุป ไฟแนนซ์คืออะไร และควรเลือกแบบไหนดี?
ไฟแนนซ์คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มอำนาจในการซื้อสินค้าและบริการ ส่วนรีไฟแนนซ์คือการบริหารจัดการหนี้เดิมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการเลือกใช้งานต้องขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินของคุณ และควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายแหล่งให้ดีก่อนตัดสินใจ
หากคุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างการจัดไฟแนนซ์และรีไฟแนนซ์แล้ว ก็จะสามารถวางแผนการเงินได้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของการซื้อทรัพย์สิน การชำระหนี้ และการวางแผนชีวิตในอนาคตอย่างมั่นคง