เมื่อพูดถึง “ดอกเบี้ยเงินกู้” ตัวแปรสำคัญในการขอสินเชื่อส่วนบุคคลหรือกู้ยืมเงินที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแม้ว่าจะมีเงินต้นเท่ากัน แต่หากวิธีคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แตกต่างกัน อาจส่งผลต่อภาระหนี้ต่อเดือนที่เราต้องจ่าย และวันนี้ “มันนี่ฮับ”ก็ จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบง่าย ๆ เพื่อช่วยให้ทุกคนประเมินภาระการผ่อนได้แม่นยำขึ้น สามารถเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้นอีกด้วย
ดอกเบี้ยคืออะไร?
ถ้าคุณเคยขอสินเชื่อหรือกำลังคิดจะกู้เงิน ไม่ว่าจะเป็นจากธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงินต่าง ๆ หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ก็คือ "ดอกเบี้ย" เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อจำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายคืน
ดอกเบี้ยเปรียบเสมือน "ค่าตอบแทน" ที่ผู้ให้กู้คิดจากผู้กู้ในการใช้เงินของพวกเขา ยิ่งกู้นานหรือกู้มาก ดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ใช่ทุกสินเชื่อจะคิดดอกเบี้ยแบบเดียวกัน ซึ่งเราจะแบ่งหลัก ๆ ออกเป็น สองประเภท ได้แก่ ดอกเบี้ยแบบคงที่ และ ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
ดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate)
เป็นวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ง่ายและตรงไปตรงมา ผู้ให้กู้จะคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่กู้มาโดยไม่เปลี่ยนแปลงตลอดอายุสัญญา ไม่ว่าคุณจะจ่ายไปเท่าไหร่ เงินต้นที่ใช้คำนวณดอกเบี้ยก็ยังเท่าเดิม!
วิธีคำนวณ ดอกเบี้ยคงที่ = (เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนปี) + เงินต้น
ตัวอย่าง หากคุณกู้เงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี
คำนวณดอกเบี้ย: 100,000 x 10% x 3 = 30,000 บาท
ดังนั้น คุณต้องจ่ายคืนทั้งหมด 100,000 + 30,000 = 130,000 บาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 130,000 ÷ 36 = 3,611 บาท
หมายเหตุ: แม้ว่าตัวเลขดูเหมือนดอกเบี้ยไม่เยอะ แต่ถ้าคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) แล้ว จะพบว่าอาจสูงถึงประมาณ 17-18% ต่อปีเลยทีเดียว! ดังนั้นแม้ดอกเบี้ยแบบคงที่จะดูง่ายและตรงไปตรงมา แต่ต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจแฝงอยู่ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)
เป็นวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ "ยุติธรรม" กว่าแบบคงที่ เพราะคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินต้นที่เหลืออยู่ หมายความว่า ยิ่งจ่ายมาก ยิ่งลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น!
วิธีคำนวณ ดอกเบี้ยแต่ละงวด = เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี ÷ 12
ตัวอย่าง ถ้าคุณกู้ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี หรือ 36 เดือน
เดือนแรก ดอกเบี้ยจะคำนวณจากเงินต้นเต็มจำนวน: 100,000 x (10% ÷ 12) = 833 บาท
ถ้าคุณชำระค่างวดเดือนละ 3,226 บาท (ซึ่งเป็นยอดเฉลี่ยตามสูตรผ่อนชำระแบบลดต้นลดดอก)
เงินต้นที่ลดลงในเดือนแรก = 3,226 - 833 = 2,393 บาท ดังนั้น เงินต้นคงเหลือหลังจากเดือนแรก = 100,000 - 2,393 = 97,607 บาท
เดือนที่สอง ดอกเบี้ยจะคิดจากยอดคงเหลือ: 97,607 x (10% ÷ 12) ≈ 813 บาท
เงินต้นที่ลดลงในเดือนที่สอง = 3,226 - 813 = 2,413 บาท เงินต้นคงเหลือหลังจากเดือนที่สอง = 97,607 - 2,413 = 95,194 บาท
ดอกเบี้ยจะลดลงเรื่อย ๆ ทุกเดือน เพราะยอดเงินต้นลดลง ซึ่งเป็นข้อดีของการผ่อนแบบลดต้นลดดอก หากคุณสามารถโปะเพิ่มในแต่ละเดือนได้ ก็จะยิ่งลดดอกเบี้ยรวมทั้งหมดและปิดหนี้ได้เร็วขึ้น!
แล้วเราควรเลือกแบบไหน?
- ถ้าอยากรู้ยอดชำระแน่นอนทุกเดือน และไม่อยากคำนวณให้ปวดหัว → เลือก ดอกเบี้ยคงที่
- ถ้าอยากจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง และมีโอกาสปิดหนี้ได้เร็วกว่า → เลือก ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
ทำไมต้องเข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ย?
- ช่วยวางแผนการเงินได้ดีขึ้น → รู้ว่าแต่ละเดือนต้องจ่ายเท่าไหร่ สามารถบริหารรายรับรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ป้องกันการโดนหลอก → บางที่อาจใช้เทคนิคการโฆษณาทำให้ดูดอกเบี้ยต่ำ แต่จริง ๆ แล้วอาจสูงกว่าที่คิด หากเข้าใจหลักการคำนวณดอกเบี้ย ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อกลลวงการตลาด
- เลือกสินเชื่อได้อย่างชาญฉลาด → เลือกแบบที่คุ้มค่ากับสถานการณ์ของตัวเองมากที่สุด เช่น ถ้าเน้นปิดหนี้เร็วควรเลือกแบบลดต้นลดดอก หรือถ้าชอบความแน่นอนก็เลือกแบบคงที่ได้
สรุปง่าย ๆ คือ เข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ก็เหมือนมีแต้มต่อในการเจรจา! หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีแผนจะขอสินเชื่อออนไลน์ ลองใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ มาประกอบการตัดสินใจ ในการขอสินเชื่อออนไลน์ มันนี่ฮับ พร้อมเป็นตัวช่วยที่ให้คุณยิ้มได้เสมอสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line ID : @moneyhub