How to ตรวจเครดิตบูโรข้อควรรู้ก่อนยื่นกู้สินเชื่อออนไลน์

112 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 How to ตรวจเครดิตบูโร

   เครดิตบูโร มีความสำคัญเป็นอย่างมากในเรื่องของระบบทางการเงิน เพราะเป็นการเก็บรวบรวมเครดิตต่าง ๆ ที่คุณเคยได้ทำธุรกรรมทางการเงิน และรวบรวมประมวลผลเป็นฐานข้อมูลเครดิตในภาพรวมสำหรับตัวคุณ เพื่อประกอบการพิจารณาในการปล่อยสินเชื่อ ลองมาดูวิธีเช็กเครดิตบูโรด้วยตัวเองได้ที่นี่


ทำไมต้อง ตรวจเครดิตบูโร ก่อนยื่นกู้สินเชื่อออนไลน์

   เหตุผลที่ต้องไปตรวจเครดิตบูโร ก็คือเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนตัวและเตรียมตัวในการขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการกู้ซื้อบ้าน, ซื้อรถ, หรือทำบัตรเครดิต ทั้งนี้ก็เพื่อการตรวจสอบนี้ช่วยให้รู้ว่าตัวเรานั้นมีหนี้คงค้างหรือไม่,  มีประวัติการชำระหนี้เป็นอย่างไร ซึ่งถึงจะชำระหนี้หมดแล้วก็สามารถดูระบบ ได้เพื่อที่จะได้เตรียมหลักฐานการชำระหนี้ให้เรียบร้อยก่อนยื่นสินเชื่อต่างๆ เช่น สินเชื่อออนไลน์ สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น และสามารถโอกาสการผ่านสินเชื่อได้ด้วยตัวเองก่อน เพราะหากยื่นสินเชื่อแล้วไม่ผ่าน ต้องรอสักพักเลยกว่าจะยื่นได้อีกครั้ง เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวประเมินสุขภาพทางการเงินของเราเองก่อนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก  


เครดิตบูโรคืออะไร

   "เครดิตบูโร" หรือข้อมูลเครดิต เปรียบเสมือนกับใบประวัติการเงินของเราที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการชำระหนี้ สินเชื่อ บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ ฯลฯ ข้อมูลเครดิตบูโรเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ 10 ปี และส่งต่อให้สถาบันการเงินพิจารณาก่อนอนุมัติสินเชื่อเพื่อแสดงให้สถาบันการเงินเห็นถึงความรับผิดชอบในการชำระหนี้สินของเรานั่นเอง ซึ่งข้อมูลในเครดิตบูโร จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

  1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด สถานภาพการสมรส อาชีพ เลขประชาชน (สำหรับบุคคลธรรมดา), ชื่อ สถานที่ตั้ง เลขทะเบียนนิติบุคคล (สำหรับนิติบุคคล)
  2. ข้อมูลการเงิน
    - สินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ เช่น ประเภทของสินเชื่อ วงเงิน ระยะเวลาผ่อนชำระ
    - ประวัติการชำระสินเชื่อ เช่น วันที่ชำระยอดชำระ ค้างชำระ
    - ประวัติการชำระราคาสินค้าหรือบริการโดยบัตรเครดิต เช่น ยอดใช้จ่าย ยอดชำระ ค้างชำระ
    - สถานะบัญชี เช่น ปกติ พิเศษ หรือปิดบัญชี


ทำไมต้องเช็คเครดิตบูโร?

   หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราต้องตรวจเครดิตบูโร? จริง ๆ แล้ว การตรวจเครดิตบูโรนั้นมีประโยชน์กับการตัดสินใจทางการเงินของเรามากมาย เช่น

  1. เตรียมพร้อมก่อนขอสินเชื่อ

       การตรวจเครดิตบูโรก่อนสมัครบัตรเครดิตหรือการขอสินเชื่อ จะช่วยให้เรารู้ว่าเรามีโอกาสได้รับอนุมัติหรือไม่ 
  2. วางแผนการเงิน

       การทราบข้อมูลในเครดิตบูโรจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น วางแผนชำระหนี้เก่า หรือวางแผนการใช้จ่ายในอนาคต
    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล: ก่อนอื่นต้องบอกว่าข้อมูลในเครดิตบูโรอาจไม่ถูกต้องเสมอไป การตรวจเครดิตบูโรจะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และแจ้งแก้ไขได้ทันที
  3. ติดตามสุขภาพการเงิน

       การตรวจเครดิตบูโรเป็นประจำ เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพการเงิน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถติดตามดูแลสถานะการเงินของตัวเองได้


ควรตรวจเครดิตบูโรเมื่อไหร่?

   โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ตรวจเครดิตบูโรปีละ 1-2 ครั้งเพื่อตรวจสอบสถานะของข้อมูลเครดิตของตัวเอง หรืออาจจะสามารถตรวจได้ในกรณีดังต่อไปนี้

  1. ก่อนสมัครบัตรเครดิต หรือขอสินเชื่อออนไลน์ สินเชื่อส่วนบุคคล

  2. เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเงิน เช่น เปลี่ยนงาน แต่งงาน มีหนี้สินใหม่ ฯลฯ

  3. ต้องการติดตามดูแลสุขภาพการเงิน


เช็กเครดิตบูโรง่ายๆ ด้วยตัวเอง 

   ปัจจุบันศูนย์ตรวจเครดิตบูโรมีช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนหลากหลายช่องทาง เปิดให้บริการทั่วประเทศ และในวันเสาร์ – อาทิตย์ สามารถเลือกใช้บริการได้ดังนี้

  1. แบบรอรับได้เลย ภายใน 15 นาที โดยทั้งหมดนี้ไม่ได้ยุ่งยากเลยใช้แค่บัตรประชาชนเข้ายื่นด้วยตนเองและมีค่าบริการเพียง 100 บาท เท่านั้น
    –  ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (สำนักงานใหญ่) เปิดให้บริการวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา สามารถใช้บริการตั้งแต่ 9.00 – 16.30 น. 
    –  อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 ที่ BTS สถานีอารีย์ ทางออก 1 เปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.30 น. และหยุดวันพิเศษต่าง ๆ รวมถึงเสาร์ และอาทิตย์
    –  สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง เปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.30 น. และหยุดวันพิเศษต่าง ๆ รวมถึงเสาร์ และอาทิตย์
    –  สถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อยู่ภายในสถานี เปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.30 น. และหยุดวันพิเศษต่าง ๆ รวมถึงเสาร์ และอาทิตย์
    – ธนาคาร CITI (สาขา เดอะมอลล์ บางกะปิ) ที่นี่จะเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งเวลา 11.00 – 16.30 น.
  2. แบบรอรับผลทางอีเมล์ ยื่นแบบออนไลน์ที่ใช้ภายใน 3 วันทำการ มีค่าบริการ 150 บาท
    – ยื่นคำร้องผ่านโมบายแอป “KKP e-Bankin                               
    – ยื่นคำร้องผ่านโมบายแอป “TTB TOUCH”
    – ยื่นคำร้องผ่านโมบายแอป “Krungthai Next”
  3. แบบรอรับผลทางไปรษณีย์ ภายใน 7 วันทำการ มีค่าบริการ 150 บาท
    – ยื่นผ่านเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ธนาคาร (ทุกสาขา) พร้อมยื่นบัตรประชาชนของตนเอง 
    – ใช้บัตร ATM ธนาคารกรุงไทย หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยใช้บัตร ATM ธนาคารนั้น
    – ทำรายการผ่านเว็บไซต์ บริการธนาคารออนไลน์ กรุงศรี, กรุงไทย
    – ยื่นที่ทำการไปรษณีย์ เฉพาะสาขาที่ให้บริการ  

   การตรวจเครดิตบูโรเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ เพื่อติดตามดูแลสุขภาพการเงิน และเตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสทางการเงินในอนาคต บทความนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ช่วยให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับเครดิตบูโร และสามารถตรวจเครดิตบูโรด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้