การกู้ยืมเงินในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นจากธนาคาร สหกรณ์ หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป มักจะมีคำหนึ่งที่เราคุ้นหูเสมอ นั่นก็คือ “ดอกเบี้ยเงินกู้” ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอ แต่กลับเป็นเรื่องที่หลายคนยังเข้าใจผิด หรือไม่รู้ถึงข้อกฎหมายที่ควรรู้เอาไว้ หากไม่เข้าใจอาจกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักดอกเบี้ยเงินกู้ในทุกมิติแบบเข้าใจง่าย พร้อมยกตัวอย่างชัด ๆ ให้คุณเห็นภาพและป้องกันตัวได้
ดอกเบี้ยเงินกู้ คืออะไร?
ดอกเบี้ยเงินกู้ คือ ค่าตอบแทนที่ผู้ให้กู้เรียกเก็บจากผู้กู้ โดยคิดจากจำนวนเงินที่กู้ไป และระยะเวลาที่ใช้เงินก้อนนั้น ซึ่งจะถูกกำหนดเป็น “อัตราร้อยละต่อปี” หรือที่เรียกว่า อัตราดอกเบี้ยต่อปี เช่น กู้เงิน 10,000 บาท ดอกเบี้ย 15% ต่อปี หมายความว่าหากยังไม่ชำระเงินต้นเลย ผู้กู้ต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละ 1,500 บาท
การคิดดอกเบี้ยเงินกู้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- ดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate)
- ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate)
- ดอกเบี้ยตามงวดที่ชำระ (Simple Interest)
การเลือกใช้วิธีไหนขึ้นอยู่กับข้อตกลงและลักษณะของสัญญากู้เงินนั้น ๆ
ดอกเบี้ยเงินกู้ตามกฎหมาย กำหนดไว้อย่างไร?
ในประเทศไทย มีกฎหมายรองรับเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบกัน โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการกู้เงินนอกระบบ หรือสัญญาระหว่างบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 และมาตรา 658 กำหนดว่า
- หากไม่มีการกำหนดดอกเบี้ยไว้ในสัญญา อัตราดอกเบี้ยที่สามารถเรียกได้ตามกฎหมายคือ ไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี (0.416% ต่อเดือน)
ดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคาร กับดอกเบี้ยนอกระบบ ต่างกันอย่างไร?
- ดอกเบี้ยจากธนาคาร
- อยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
- ดอกเบี้ยเงินกู้จะมีเพดานสูงสุดที่อนุญาต เช่น สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยไม่เกิน 33% ต่อปี หรือสูงสุด 2.75% ต่อเดือน
- มีการเปิดเผยข้อมูลชัดเจนในเอกสารสินเชื่อ - ดอกเบี้ยจากเงินกู้นอกระบบ
- มักไม่มีเอกสาร หรือมีสัญญาไม่เป็นทางการ
- ดอกเบี้ยสูงเกินกฎหมาย เช่น บางรายคิด 20-30% ต่อเดือน
- ผู้กู้มีความเสี่ยงทั้งด้านกฎหมาย และความปลอดภัยจากการทวงหนี้แบบผิดกฎหมาย
หากถูกคิดดอกเบี้ยเงินกู้เกินกฎหมาย ทำอย่างไร?
หากคุณหรือคนรอบตัวถูกคิดดอกเบี้ยเงินกู้สูงเกินที่กฎหมายกำหนด มีวิธีปกป้องตัวเองดังนี้
- เก็บหลักฐานไว้ให้ครบ เช่น ข้อความสนทนา สัญญาเงินกู้ ใบเสร็จการชำระเงิน
- ร้องเรียนต่อหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมบังคับคดี, หรือศูนย์ดำรงธรรม
- ยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อให้พิจารณาและคุ้มครองสิทธิของผู้กู้
ในหลายกรณี ศาลจะตัดสินให้ดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนที่เกินจาก 15% เป็นโมฆะ และผู้ให้กู้อาจไม่ได้รับเงินดอกเบี้ยเลย
ข้อควรรู้ก่อนเซ็นสัญญาเงินกู้
ก่อนจะกู้เงินจากใคร ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร สหกรณ์ หรือบุคคลทั่วไป ควรตรวจสอบและระวังเรื่องต่อไปนี้
- อ่านรายละเอียดของ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ให้ชัดเจน
- อย่าลงนามในเอกสารที่ไม่เข้าใจ
- หลีกเลี่ยงการกู้เงินจากแหล่งที่ไม่เปิดเผยตัวตนชัดเจน
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลายแหล่งก่อนตัดสินใจกู้
- ขอสำเนาสัญญาไว้ทุกครั้ง
ดอกเบี้ยเงินกู้เป็นเรื่องที่ทุกคนควรเข้าใจ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่าการกู้ยืมนั้นจะเป็นธรรม หรือไม่เป็นธรรม การรู้ว่ากฎหมายกำหนดเพดานไว้ที่เท่าไหร่ จะช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ปล่อยกู้ที่คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมาย การตรวจสอบสัญญาให้ดี ตั้งแต่ก่อนเซ็นชื่อ จะช่วยป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต อย่าลืมว่า “ความรู้เรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ ไม่ใช่แค่เรื่องของนักกฎหมาย แต่เป็นเรื่องของคนทุกคนที่มีสิทธิ์และเสียงในการปกป้องตนเอง”